ผมไปเดินเล่นถ่ายรูปที่งานเที่ยวเมืองไทย2560 จัดงานที่สวนลุม ในงานคนเยอะมาก ยิ่งถ้าตอนเย็นๆนี่แน่นมาก ในงานก็มีของกินเยอะ มีของให้ซื้อกลับบ้านก็เยอะไปงานนี้เหมือนได้ไปทุกภภาคของประเทศเลย ชมภาพถ่ายกันครับ อปุกรณ์ที่ใช้ กล้อง Canon EOS 7D Mark II เลนส์ EF 28mm f/1.8 USM, Mode AV, Lr Process Cropภาพเป็นแบบ 16:9 Speed 1/2500 sec f/1.8 ISO200 Profile Landscape Speed 1/4000 sec f/1.8 ISO 200 Profile Landscape Speed 1/2000 sec f/2 ISO 200 Profile Landscape Speed 1/320 sec f/2 ISO 100 Profile Landscape Speed 1/250 sec f/4 ISO 100 Profile Standard Speed 1/400 sec f/2 ISO 100 Profile Landscape Speed 1/2000 sec f/2 ISO 100 Profile Landscape Speed 1/2500 sec f/2 ISO 100 Profile Standard Speed 1/500 sec f/1.8 ISO 100 Profile Standard Speed 1/100 sec f/5 ISO 100 Profile Standard Speed 1/800 sec f/1.8 ISO 100 Profile Standard Speed 1/1000 sec f/1.8 ISO 100 Profile Standard Speed 1/320 sec f/1.8 ISO 100 Profile Landscape Speed 1/640 sec f/1.8 ISO 10

ครั้งนี้เรามาใช้ Illustrator ทำรูปใส่หลังเคสมือถือกันครับ เนื่องจากว่าผมไปเดินหาซื้อเคสมือถืออยู่นานก็ไม่มีที่ถูกใจ อันที่มี ลายก็ไม่โดนใจ อันที่ลายโดนใจกลับไม่มีรุ่นที่ใช้ ผมเลยซื้อเคสรุ่นที่ผมใช้แบบใสมา แล้วทำการวัดขนาดด้านในเคส พอได้ขนาดเรียบร้อยแล้วผมจะใช้ Illustrator ในการทำไฟล์ และสิ่งที่ต้องมีคือเครื่องปริ้นเตอร์ และวัสดุที่จะใช้ปริ้นผมใช้กระดาษความละเอียดสุงคือ Inkjet paper แบบเงา หรือ แบบด้านก็ได้ ความหนา120แกรม (ความหนาใช้ตั้งแต่ 100-120 แกรม แต่ถ้า160 แกรมผมว่าหนาไป) หาซื้อได้ตามห้าง หรือใครจะใช้เป็นสติกเกอร์ก็ได้เหมือนกัน ส่วนกระดาษเอ4 แบบธรรมดาผมไม่แน่นำนะเพราะกระดาษเอ4ปริ้นออกมาแล้วสีไม่สดและไม่สวยและบางไป ในรูปตัวอย่างคือสิ่งที่ทำเสร็จแล้ว ถ่ายรูปมาให้ดูกันนะครับว่าทำได้จริงและผมก็ทำใช้เองด้วย เริ่มกันเลยครับ 1-สร้าง Artwork ใหม่โดยคลิกที่ File - New กำหนดขนาดเป็น A4 แนงตั้ง ที่ Color Mode: RGB, ที่ Raster Effects: 300 เสร็จแล้วกด OK 2-การสร้าง Frame คลิกที่ Rounded Rectagle จากนั้นให้คลิกบน Artwork จะมีหน้าต่างเล็กๆให้กำหนดขนาดตามที่เราวัดได้จากด้านในเคส

พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพฯ เขตบางรัก ชื่อนี้คงไม่คุ้นกันแต่ถ้าบอกว่าพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกพอคุ้นๆไหมครับ เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่นี้ ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 43 หรือจะเข้าทางถนนมหาเศรษฐ์ก็ได้ครับ  การไปเยี่ยมชมพิพธภัณฑ์ก็ไม่ต้องเสียตังค์อะไร พอเข้าประตูไปหน่อยนึ่งจะมีสมุดให้ลงชื่อผู้เยี่ยมชม จากนั้นก็เดินชมกันตามสะดวกครับ ส่วนประวัติความเป็นมาอย่างไรหาอ่านได้ที่นั้นเลยนะครับ แว๊บแรกที่ได้เดินเข้าไปมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังมาเยี่ยมบ้านใครสักคน ไม่เหมือนมาพิพธภัณฑ์สักเท่าไร ก็ดูจากรูปถ่ายสิ เหมือนมาเยี่ยมบ้านเลย ใครไปใครมาก็จะเจอพนักงานต้อนรับตัวนี้ครับ ชื่อดอกสร้อยมั้งถ้าผมจำผิดก็ขออภัยด้วย ส่วนตรงนี้เป็นเหมือนประชาสัมพันธ์ จะมีขายอาหารให้เลี้ยงปลาและรูปถ่ายของพิพิธภัณฑ์ ส่วนศาลาตรงนี้มีไว้ให้คนที่มาเที่ยวนั่งพักมีน้ำดื่มใส่อุทัยทิพย์บริการให้ฟรี ใครจะเอาอาหารเข้ามากินก็ตรงนี้ได้เลย ลมเย็นสบายดี นั่งแล้วจะหลับ บ้านหลังที่ 2 อยู่ข้างในยังไม่ได้เข้าไปดูแบบจริงจัง คงต้องกลับไปอีกครั้ง ยืนในบ้านแล้วมองออกมาจะเห็นวิวแบบนี้เลย นั่งตรงไหนก็หลับได้นะ ลองไปหาดูครับว่ารูป